Saturday, September 4, 2010

ซีซาร์ มิลลาน Dog Whisperer

ซีซาร์ มิลลาน บางคนอาจจะไม่รู้จัก ว่าเค้าคือใคร สำหรับคนรักสุนัขแล้ว เค้าเป็นคนที่หลายๆคนรู้จัก ชายคนหนึ่งทึ่ อยู่ในทีวี ชายที่สามารถปราบหมานิสัยเสีย ให้กลับมานิสัยดีได้


เทคนึกที่เค้าใช้ เป็นอะไรที่แปลกและนำเสนอว่าทำได้จริง คนรักหมาส่วนใหญ่บอกว่า เฮ้ย! นี้มันทำได้จริง แต่ในอีกมุมหนึ่งของคนรักหมาแหละฝึกหมาบอกว่า เทคนิก กดให้นอนตะแคง นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเป็นการทำร้ายจิตใจน้องหมาเลยก็ว่าได้

แล้วสิ่งไหนจริงกันแน่
 จากความคิดของผม สิ่งที่เค้าทำเป็นเรื่องที่ สุนัข ที่อยู่กันเป็นฝูงทำกันอยู่แล้ว แต่ สิ่งที่เค้าทำนั้นเข้าขั้นว่าอันตรายก็ว่าได้ เพราะการจะจับน้องหมาดุๆสักตัวกดลงให้นอนตะแคงกับพื้น หากคุณไม่มีความชำนาณพิเศษและก็ ก็เหมือนคุณยื้นมือเข้าไปใน กิโยติน (เครื่องตัดหัวจากฝรั่งเศส) หรือเป็นแค่กระดูกให้น้องหมาเค้าเคี้ยวเล่น 
 อาวแล้วอย่างนี้ คุณจะควบคุมน้องหมา หรือแสดงความเป็นจ่าฝูงกับน้องหมาคุณอย่างไร ก็คือ โซ่จูง ปลอกคอ และการกระตุก รวมถึงการฝึกเชื่อฟังคำสั่ง และความสำพันธ์ระหว่าง เจ้าของกับตัวสุนัข เพราะหากเค้าไม่ฟังที่เราสั่ง ก็เหมือนเราไม่ได้มีความสำคัญในการใส่ใจจากเค้า หรือเราก็ไม่ใช่เจ้านายเค้า เราไม่ใช่จ่าฝูงเค้าเค้า 

อย่างไหนคือจ่าฝูง คือเจ้านายที่แท้จริง 
  1. เข้าก่อน ออกก่อน เราจะต้องเป็นผู้ที่เข้าประตู หรือออกจากประตูก่อนสุนัข สุนัขไม่มีสิทธิ์ เข้าออกก่อนเรา หากเราไม่อนุญาต
  2.  จ่าฝูงเป้นผู้พาไป เราจะต้องเป็นคนนำชีวิตเค้าเสมอ เป็นผู้ควบคุมกิจกรรมทั้งหมด เมื่อไรกิน เมื่อไรนอน เมื่อไรเล่น ไม่ใช่ว่าสุนัขที่ถูกควบคุมจะไม่มีความสุข สุนัขมีความสุขมากเสียกว่าการที่จะต้องคิดเองว่าจะต้องทำอะไร อย่าหลงคิดว่าการกระดิกหา แล้วดึงสายจูงลากไปทางนู้นทางนี้คือเค้ามีความสุข อันนั้นนะตื่นเต้นจนอาจจะทำให้ตัวเองและเจ้าของบาดเจ็บสะมากกว่า
  3. จ่าฝูงกินก่อน ปัญหาสุนัขหวงอาหารจะหมดไปหาก เราคือเจ้าของอาหาร สุนัขจำต้อง ทำงานเพื่ออาหาร การทำงานของสุนัข เช่น การเดิน การวิ่ง การฟังคำสั่ง เหล่านี้เป็นงานที่สุนัขต้องทำเพื่ออาหาร และอาหารจะต้องเป็นของจ่าฝูงก่อน ดังนั้น สุนัขต้องรอ จนกว่าจ่าฝูงจะให้ แต่ หากให้แล้วจ่าฝูงจะไม่แย่งกลับ เพราะการแย่งอาหารกลับหมายความว่า สุนัขนั้นไม่ใช่สุนัขในฝูง จะเป็นการตัดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและสุนัข
อย่าปล่อยสุนัขเอาแต่ใจไม่งั้นอาจจะเป็นอย่างนี้
 

No comments: